ตรวจ HIV ประโยชน์มากกว่าที่คิด
เป็นที่ทราบกันดีว่า วิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาหายขาดได้ ก็คือการตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ให้รวดเร็วที่สุด เพื่อที่จะเข้ารับการรักษา ทานยาต้านไวรัสให้ถูกต้อง ก่อนเชื้อ HIV จะพัฒนาไปเป็นโรคเอดส์นั่นเองแต่หลายท่านก็ยังไม่ทราบว่าหากเราอยากจะตรวจเชื้อเอชไอวี (HIV) จะทำได้อย่างไร มีการตรวจรักษาฟรีหรือไม่ และจะไปตรวจ HIVที่ไหนดี ทั้งที่ในปัจจุบันการเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV นั้น ไม่ได้ยุ่งยาก อย่างที่คิดแล้ว มีสถานพยาบาลมากมายที่สามารถขอรับการตรวจได้ ฟรีก็มี เอกชนก็มี ตรวจด้วยตนเองที่บ้านแบบน่าเชื่อถือก็มี
Table of Contents
เอชไอวีคืออะไร?
เอชไอวี (HIV) เป็นไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ ซึ่งโจมตีและทำลายระบบภูมิคุ้มกัน เชื้อ HIV จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า CD4 (ซีดีโฟร์) ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น ซึ่งอาการอาจจะรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป และอาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต
ใครบ้างที่ควรตรวจ HIV
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นเอชไอวี
- ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- คู่รักที่ต้องการวางแผนมีบุตร
- ผู้ป่วยวัณโรค หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
- บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อไหร่ที่ควรไปตรวจ HIV
เมื่อเราพบว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อ HIV มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่าติดเชื้อหรือไม่คือการตรวจ ซึ่งปัจจุบันนี้มีการตรวจหาการติดเชื้ออย่างแพร่หลาย โดยปกติแล้ว การตรวจหาการติดเชื้อ HIV จะใช้หลักการตรวจหาสารภูมิต้านทาน (antibody) ที่ต้านการติดเชื้อ HIV โดยตรง ซึ่งหากตรวจพบสารภูมิต้านทานที่ต้านการติดเชื้อHIV ก็แสดงว่ามีผลเป็นบวก นั่นคือเกิดการรับเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกายจนร่างกายสร้าง antibody ขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าตรวจแล้วผลเป็นลบคือไม่พบสารภูมิต้านทานที่ต้านการติดเชื้อHIV ก็แปลว่าเราไม่ได้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเราต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ หรือ 1 – 2 เดือนในการสร้างสารภูมิต้านทานการติดเชื้อขึ้นมา การตรวจกาเชื้อจาก antibody จึงต้องใช้ระยเวลารอคอย หากตรวจก่อนหรือตรวจในระยะแฝง การตรวจอาจได้ผลเป็นลบที่ไม่จริง จึงจำเป็นต้องตรวจซ้ำหลังจาก 3 เดือนผ่านไป หรือใช้วิธีการตรวจอื่นร่วมด้วย
ตรวจ HIV ได้ที่ไหนบ้าง ?
หากเราพบว่ามีตัวเองเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ HIV เราควรที่จะเข้ารับการตรวจหาเชื้อ HIV โดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยให้เราสามารถดูแลรักษาตัวเองและป้องกันการเข้าสู่ภาวะของโรคเอดส์ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่เราจะนำเชื้อโรคไปแพร่กระจายด้วย ทั้งนี้ การตรวจหาเชื้อ HIV ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก ทั้งในเรื่องรูปแบบการตรวจ เครื่องมือ และสถานพยาบาลที่มีมากยิ่งขึ้น ดังนี้
คลีนิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
นอกเหนือจากโรงพยาบาลของรัฐแล้ว เราสามารถตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ฟรี ได้ที่จุดให้บริการคลินิกนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ซึ่งจะเปิดบริการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 7.30-18.00น. และ เสาร์ 7.30-15.00น. ปิดวันอาทิตย์และหยุดวันนักขัตฤกษ์ โดยอัตราค่าบริการตรวจหาเชื้อ HIV ที่คลีนิคนิรนามสามารถตรวจได้ ฟรี เพียงยื่นบัตรประจำตัวประชาชน สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-22522568-9 ต่อ 200 ในวันเวลาราชการ
ตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ฟรี ที่โรงพยาบาลรัฐ
เราทุกคนที่มีบัตรประชาชน สามารถขอเข้ารับการตรวจเชื้อเอชไอวี (HIV) ได้ฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง โดยสามารถขอรับการตรวจฟรีได้ปีละ 2 ครั้ง โดยใช้หลักฐานเป็นบัตรประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเตรียมตัวเป็นไปด้วยดี เราสามารถโทรสอบถามขั้นตอนการเตรียมตัวที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลประจำจังหวัดได้ทุกแห่งก่อนไปตรวจได้
ตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกที่ตรวจเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
สถานพยาบาลเอกชน ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล หรือคลีนิคที่ให้บริการการตรวจโรคเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ สามารถให้บริการตรวจหาเชื้อ เอชไอวี (HIV) ได้ โดยในบางสถานที่อาจจะไม่ขอบัตรประชาชน ทำให้ผู้เข้ารับการตรวจรู้สึกสบายใจการปกปิดข้อมูลส่วนตัว อาจจะมีความสะดวกหรือรวดเร็วในการให้บริการมากกว่า
การตรวจหาเชื้อ HIV (เอชไอวี) โดยชุดตรวจหาเชื้อด้วยตนเอง
หากเรารู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลหรือสถานให้บริการ ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งของการตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่ประชาชนคนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ นั่นก็คือ การตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV) ด้วยตนเอง ซึ่งชุด Rapid Test ที่ได้รับความนิยม และได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา คือ การตรวจโดยน้ำยาตรวจแบบ Fourth generation เป็นการตรวจโดยใช้ชุดตรวจแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อ HIV และแอนติเจนของเชื้อพร้อมกันในน้ำยาเดียวกัน (HIV Ag/Ab combination assay) สามารถตรวจพบการติดเชื้อได้เร็วที่สุด 14-15 วัน หรือ 2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ปัจจุบันน้ำยาประเภทนี้มีการใช้อย่างแพร่หลายเพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ให้ผลที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการอ่านผลการทดสอบแล้ว หากพบว่ามีค่าเป็นบวก ซึ่งหมายถึงมีการติดเชื้อ ควรเข้ารับการตรวจที่ชัดเจนจากสถานพยาบาลอีกครั้ง และในกรณีที่มีผลการตรวจเป็นลบ ซึ่งหมายถึงไม่มีการติดเชื้อ ควรมีการตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อพ้นระยะรอคอย 30 วัน เพื่อการยืนยันผลที่ชัดเจน
ประโยชน์ของการตรวจ HIV
- เข้ารับการรักษาได้ทันที ไม่ต้องรอให้แสดงอาการ
- เพื่อทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถทำงานได้อย่างปกติ
- สามารถวางแผนป้องกันคู่ของตนเองจากการติดเชื้อ และชวนคู่ไปตรวจเลือดได้
- สามารถวางแผนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไปสู่ลูกได้
- เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ และเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
- ช่วยลดความกังวลใจ และทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี/เอดส์ และการป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
- หากคุณติดเชื้อ ก็จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดการป่วยจากโรคฉวยโอกาส เช่น วัณโรค และลดการเสียชีวิตลง
- สามารถลดโอกาสในการพัฒนาจากเอชไอวีเป็นโรคเอดส์ได้อย่างมาก
จะเห็นได้ว่า การตรวจเพื่อคัดกรองหรือตรวจการติดเชื้อ HIV ในปัจจุบันนั้น มีความสะดวกง่ายดายกว่าในอดีตมาก ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะการตรวจเจอเชื้อ HIV ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ได้ ทั้งนี้ หากเราสามารถป้องกันตนเองจากความเสี่ยงในการรับเชื้อ HIV ได้ ก็ควรป้องกันตนเองตั้งแต่แรก แต่หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ที่เราบังเอิญเราต้องกลายเป็นผู้มีความเสี่ยงจะติดเชื้อ HIV ก็อย่าลังเลที่จะเข้ารับการตรวจ HIV ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เราสามารถดูแลรักษาตนเองและคนรอบข้างได้ทันท่วงที